สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม หลายฝ่ายมองว่าสงครามการค้าครั้งนี้คล้ายคลึงกับ "สงครามโลกครั้งที่สามในมิติทางเศรษฐกิจ" แม้จะไม่มีเสียงปืนหรือความสูญเสียทางกายภาพ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกลับเทียบได้กับสงครามที่แท้จริง ตลาดที่เคยเชื่อมโยงกันอย่างเหนียวแน่นกลับกลายเป็นสนามรบที่เต็มไปด้วยอุปสรรค
แม้นักวิเคราะห์จำนวนมากเห็นว่า สิ่งกีดกั้นทางการค้าที่ลดลงจะเป็นประโยชน์กับคู่ค้าทุกฝ่าย แต่รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ มักเผชิญกับสถานการณ์ที่ ด้านหนึ่งต้องการเพิ่มการค้าขาย แต่อีกด้านหนึ่งก็ต้องการปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ
แล้วทีนี้ ในเมื่อกลุ่มผลประโยชน์มีอำนาจมหาศาล ทำไมเราถึงได้เห็นภาษีศุลกากรในอัตราต่ำ ยุคก่อนที่ทรัมป์จะมาจุดไฟเผาโลกล่ะ? เครดิตเรื่องนี้ต้องยกให้ประธานาธิบดี เอฟดีอาร์ (แฟรงคลิน ดี.
สำรวจแนวทางสหรัฐฯ ยุคทรัมป์ กับความพยายามเจาะสัมพันธ์จีน-รัสเซีย
ข้อมูลของรัฐบาลระบุว่า ผลผลิตจากโรงงานในจีนได้รับผลกระทบ กิจกรรมการผลิตในเดือน เม.ย. ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.
ที่แน่นอนก็คือหลายประเทศเตรียมพร้อมจะมีมาตรการตอบโต้ตามมาอย่าง แคนาดา และจีนที่ออกมาประกาศตั้งกำแพงภาษีส่วนกลับในทันทีหากมาตรการภาษีสหรัฐประกาศใช้จริง อย่างไรก็ตามในเวลานี้สหรัฐและคู่ค้าก็ยังคงอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองกันอยู่
การตั้งกำแพงภาษีระหว่างประเทศอาจดูเป็นวิธีการปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศในระยะสั้น แต่ในระยะยาว มันสามารถส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม ทำให้การค้าระหว่างประเทศลดลง ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น และอาจนำไปสู่การตอบโต้ทางการค้าที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง
นอกเหนือจากการลดการขาดดุลทางการค้า ทรัมป์ยังต้องการจำกัดการถ่ายโอนเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาไปยัง บริษัทที่จีน ทำให้เป็นสาเหตุของการเกิดสงครามการค้า
ในที่สุดสหรัฐฯ กับจีนก็เจรจากันแล้ว ทำไมต้องเป็นตอนนี้?
ค.) และย้ำว่า "สิ่งสำคัญคือสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนั้นเท่านั้น"
ผลที่ตามมาคือ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เคยเฟื่องฟูก็ค่อย ๆ ตกต่ำลง คนว่างงานมากขึ้น แถมตลาดหุ้นที่เคยเติบโต กลับฟองสบู่แตก ราคาหุ้นร่วงหนัก ซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจถดถอย เข้าไปอีก
และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วโลก
การเตรียมความพร้อมทั้ง “คน” และ “ข้อมูล” ต้องทำในนาม “ทีมไทยแลนด์” ที่ไม่ได้มีแค่ตัวแทนจากภาครัฐ แต่ต้องมีองค์ประกอบของทั้งหน่วยงานรัฐ สงครามการค้า ภาคเอกชนที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจในสหรัฐฯ มีนักวิชาการ และนักการทูตที่มีประสบการณ์และทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือให้ประเทศไทยและคนไทยได้ประโยชน์มากที่สุด เสียเปรียบน้อยที่สุด
การค้าเสรี (ด้วยข้อยกเว้นที่ผมพูดถึงด้านบน) คือนโยบายที่ดีที่สุดสำหรับเศรษฐกิจขนาดเล็กที่ไม่สามารถส่งผลต่อตลาดโลกได้ ถ้าหากเดนมาร์กจะตั้งภาษีศุลกากรที่เก็บจากสินค้าอเมริกัน นโยบายที่ดีที่สุดของเดนมาร์กก็น่าจะเป็นการค้าเสรี ไม่ว่าสหรัฐอเมริกาจะทำตัวแย่แค่ไหนก็ตาม – ที่จริงก็รวมถึงกรณีที่สหรัฐบุกกรีนแลนด์ด้วยนะครับ